เป็นสาว เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยสาว ฮอร์โมนเพศหญิงจะทำให้รูปร่างของเด็กหญิงเปลี่ยนไปจากเดิม สัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าเราเข้าสู่วัยสาวแล้วคือการมีหน้าอก นอกจากนี้ตัวสูงขึ้น สะโพกก็จะผายออก มีขนขึ้นที่อวัยวะเพศ และที่รักแร้เสียงเปลี่ยนเป็นแหลมเล็กบ่งบอกถึงความเป็นหญิงสาวมากขึ้นบางคนก็เป็นสิวและเริ่มมีประจำเดือน โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเริ่มเข้าสู่วัยสาวที่อายุประมาณ 9-11 ปี
หน้าอก ผู้หญิงเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยสาว จะมีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน คือ หน้าอก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นตลอดช่วง 5-6 ปีจากนี้อย่างคอยเป็นคอยไปทั้งภายในเนื้อเยื่อเอง จนทำให้เราสังเกตเห็นลักษณะภายนอกของหน้าอกเปลี่ยนไป อาจจะมีอาการเสียวหรือคันที่หน้าอกและหัวนมและจะหายไปเองเมื่อหน้าอกโตเต็มที่โดยทั่วไปที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ผู้หญิงแต่ละคนจะมีลักษณะ ขนาด และรูปร่างของหน้าอกหลายแบบหรือหลายขนาด บางคนหน้าอก 2 ข้างอาจมีขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งนี้เป็นไปตามกรรมพันธุ์และสรีระของแต่ละคน
หัวนม หัวนมมีได้หลายขนาด รูปร่าง และสีสัน แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะพันธุกรรม และเชื้อชาติ เช่นโดยทั่วไปคนผิวเหลืองมักมีหัวนมสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงคล้ำเกือบดำ นอกจากนี้หัวนมสองข้างอาจดูไม่เหมือนกันก็ได้ รวมทั้งหัวนมของบางคนอาจบุ๋มเข้าไปข้างใน เราเรียกว่าหัวนมบอด ตามปกติเมื่อหน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น หัวนมก็จะพลิกกลับออกมาเอง หากเป็นไม่มากเราสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง โดยการใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือคีบและดึงหัวนมบ่อยๆมันก็จะออกมาเอง หากเป็นมากต้องไปขอคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อหาวิธีแก้ไข เพราะหัวนมบอดจะมีผลต่อการให้นมบุตร
เปิดอก แฟชั่นสมัยใหม่ เปิดโอกาสให้ผู้หญิงเผยหน้าอกในหลายรูปแบบทั้ง เสื้อรัดรูป เสื้อคอกว้าง เสื้อคอลึก เสื้อกล้าม เสื้อสายเดี่ยว และผ้าแถบ บางคนคิดว่าเป็นความงามตามแฟชั่น แต่บางคนก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับสังคมไทย การตัดสินว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิดอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะรูปแบบเสื้อผ้าและการแต่งกายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ตามรสนิยม และตามสภาพความเป็นอยู่ของคนแต่ละช่วงเวลา
เช่น· หลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า วัฒนธรรมที่ผู้หญิงต้องแต่งกายมิดชิดไม่ใช่วัฒนธรรมไทย แต่เป็นวัฒนธรรมที่เรารับมาจากชาวตะวันตกเมื่อราวร้อยปีก่อน ผู้หญิงไทยสมัยก่อนเปลือยอกออกไปทำไร่ทำนาเสียด้วยซ้ำ เพราะคนยุคนั้นไม่คิดว่าหน้าอกเป็นสิ่งกระตุ้น
อารมณ์ทางเพศ· แม้ผู้ชายส่วนหนึ่งชอบมองผู้หญิงที่ใส่เสื้อเปิดเผยหน้าอก แต่กลับไม่อยากให้แฟนตัวเองใส่เสื้อลักษณะนั้นให้ผู้ชายคนอื่นมอง....แปลกไหมแต่ไม่ว่าสาวๆจะแต่งตัวตามแฟชั่นขนาดไหน อย่าลืมว่า... เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเรืและทำให้เรารู้สึกมั่นใจสบายใจ นั่นแหละดีที่สุดแล้วเลือกเสื้อชั้นในยังไงให้เหมาะ
เมื่อพูดเรื่องเต้านม ก็ต้องพูดถึงเรื่องเสื้อชั้นใน เวลาซื้อก็ต้องบอกคนขายสองอย่าง คือ ขนาด/ไซส์ และคับของเสื้อชั้นใน ตัวเลข 70, 75, 80, หรือ 85 ฯลฯ คือขนาด “รอบอก” หรือไซส์มีหน่วยเป็นเซนติเมตร วัดได้โดยใช้สายวัดรอบใต้ราวนมของตัวเอง ตารางเทียบขนาดรอบอกกับไซส์ของเสื้อชั้นใน
หากวัดได้
เลือกเสื้อชั้นในขนาด
63-67 ซม.
65 ซม. หรือ 30 นิ้ว
68-72 ซม.
70 ซม. หรือ 32 นิ้ว
73-77 ซม.
75 ซม. หรือ 34 นิ้ว
78-82 ซม.
80 ซม. หรือ 36 นิ้ว
83-87 ซม.
85 ซม. หรือ 38 นิ้ว
ส่วนอักษร A B C D หรือ E คือขนาดของเต้านมที่มักเรียกว่าคัพ วัดได้โดยใช้สายวัดวัดรอบอกให้ผ่านหัวนมทั้งสองข้าง ได้ผลเท่าไรให้นำมาลบกับรอบใต้ราวนม ผลต่างที่ได้จะเป็นขนาดคัพของเรา
ขนาดคัพ
ผลต่างที่ได้
คัพ A
9-11 ซม.
คัพ B
11.5-13.5 ซม.
คัพ C
14-16 ซม.
คัพ D
16.6-18.5 ซม.
คัพ E
19-20 ซม.
มาลองวัดหน้าอกกัน
1 ใช้สายวัดวัดรอบลำตัวใต้ราวนมของตัวเอง สมมุติว่าวัดได้ 74 ซม.เปรียบเทียบจากตารางแปลว่าเราจะต้องใส่เสท้อชั้นในขนาด 75 ซม.หรือ 34 นิ้ว
2 จากนั้นใช้สายวัดวัดรอบอก โดยให้ผ่านจุดที่นูนที่สุดของอกเพื่อหาขนาดของเต้านม สมมุติว่าวัดได้ 85 ซม.
3 จากนั้นนำ ตัวเลขรอบอก – ตัวเลขรอบลำตัว = 11 ซม. เปรียบเทียบกับตารางแล้วเราต้องใส่เสื้อชั้นในคัพ A
อกเปลี่่ยน ตามปกติ หน้าอกเราจะเปลี่ยนรูปร่างตามการเจริญเติบโตการมีหน้าอกเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของเรา ระดับฮอร์โมน ตลอดจนรูปร่าง น้ำหนักตัว ความอวบอ้วนหรือความผอมแห้ง หากครอบครัวเรามีคนหน้าอกใหญ่ เราก็อาจมีหน้าอกใหญ่ไปด้วย นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็มีผลต่อขนาดหน้าอก คือในช่วงก่อนการมีประจำเดือน หรือช่วงที่ตั้งครรภ์ซึ่งอิทธิพลของฮอร์โมนเพศหญิงจะทำให้ขนาดของเต้านมเต่งตึงและโตขึ้นได้บ้างการมีอกเล็กหรือใหญ่ไม่ได้มีผลต่อความสวยงามของหน้าอกเราเลยเพียงเราเลือกเสื้อชั้นในที่เหมาะสมกับตนเอง แค่นี่อกของสาวๆก็สวยเด้งกันทุกคนแล้ว แต่ไม่ว่าหน้าอกจะมีขนาดและรูปร่างแบบไหน ความสบายใจและมั่นอกมั่นใจในตนเอง ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บุคลิกของเราดูดีอยู่สมอ ที่สำคัญที่สุดก็ คือ ในทางตรงกันข้ามการเพิ่มหรือลดขนาดหน้าอกอย่างฝืนธรรมชาติยังทำให้เกิดผลกระทบตามมาหลายอย่าง ลองมาดูข้อมูลเหล่านี้กัน
นวดและตบนม ครีมนวดหน้าอกและการตบนม เป็นวิธีที่ทางการแพทย์ยังไม่รับรองว่าได้ผล ครีมบางยี่ห้ออาจมีผลข้างเคียง ทำให้ผิวหนังบริเวณเต้านมเกิดอาการแพ้และอักเสบได้ ส่วนการตบนมนั้นไม่ใช่ว่าใครก็ไปตบได้ ก่อนที่เราจะตัดสินใจไปตบนม เราต้องแน่ใจเสียก่อนว่าเต้านมของเราไม่มีการอักเสบ หรือมีก้อนเนื้อร้าย เพราะการตบนมอาจทำให้อาการเจ็บป่วยของเต้านมที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น การตบนมยังมีผลข้างเคียงคือเจ็บปวด บวมช้ำ หรือมีเลือดออกใต้ผิวหนังบริเวณที่ถูกตบ ที่สำคัญทางการแพทย์สำคัญทางการแพทย์ก็ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
ผ่าตัด การผ่าตัดเป็นวิธีที่เพิ่มหรือลดขนาดหน้าอกที่ได้ผลเร็ว และชัดเจนที่สุด แต่เสี่ยงต่อการที่ถุงน้ำหรือซิลิโคนที่เสริมเข้าไปแตกรั่ว และเมื่อทำไปแล้วอาจต้องกลับมาทำใหม่ ในอนาคตต่อมน้ำนมอาจถูกเบียดด้วยถุงน้ำหรือซิลิโคน ทำให้มีผลต่อการให้นมลูกได้ รวมทั้งการตรวจหามะเร็งเต้านมก็ทำได้ยาก การผ่าตัดเสริมนมนั้นแพทย์จะไม่ทำให้กับผู้หญิงที่อายุไม่ถึง 18ปี เพราะร่างกายยังไม่หยุดการเจริญเติบโต
ใช้อุปกรณ์เสริม การใช้อุปกรณ์เสริมเป็นวิธีที่ปลอดภัยและทำได้ง่ายที่สุด ไม่ต้องเจ็บตัวหรือเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อเต้านมของเรา เพราะเป็นการนำวัสดุต่างๆ มาเสริมหน้าอกภายนอก เช่น ชุดชั้นในที่เสริมฟองน้ำ หรือแผ่นเสริมหน้าอกที่ทำจากซิลิโคนเพื่อสอดเข้าไประหว่างหน้าอกกับชุดชั้นใน สาวๆ ส่วนใหญ่ใช้วิธีนี้การทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นการทำอกสวยด้วยมือเราเอง
อวัยวะเพศหญิง อวัยวะเพศหญิงแต่ละคนจะมีขนาด รูปร่าง และสี แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ กรรมพันธุ์ การเจริญเติบโตของร่างกายของแต่ละบุคคล เมื่อเข้าสู่วัยสาว อวัยวะเพศจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเริ่มมีขนขึ้นปกคลุมตั้งแต่บริเวณเนินหัวหน่าวลงไปจนถึงบริเวณแคมใหญ่ที่อยู่ระหว่างง่ามขาทั้งสองข้าง คำเรียกอวัยวะเพศหญิงมีหลายอย่าง เช่น โยนี น้อง เต่า โมะ จิ๋ม หม้อ เครื่องเพศ ชมพู่ หอย โคก ฯลฯ การเลือกใช้คำแบบใดในการสื่อสาร ควรคำนึงถึงความชัดเจน และความเหมาะสมของกาลเทศะขนเพชร เริ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยสาวหรืออายุประมาณ 9-13 ปี อาจมีอยู่แค่บริเวณหัวหน่าว หรือทอดแนวยาว ลงไปถึงแคมใหญ่ที่อยู่ระหว่างง่ามขาก็ได้ ผิวเนื้อบริเวณนี้อ่อนนุ่ม การตัดหรือถอนขนบริเวณนี้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออักเสบได้แคมใหญ่/แคมนอก เป็นกลีบเนื้อนูน ข้างละกลีบ ที่ต่อลงมาจากหัวหน่าว ปกคลุมด้วยผิวหนังที่มีขน จะปิดบริเวณปากช่องคลอด เพื่อป้องกันอวัยวะภายในต่างๆที่ละเอียดอ่อนแคมเล็ก/แคมใน อยู่ด้านในของแคบใหญ่ มีผิวอ่อนนุ่มไม่มีขน ตอนบนบรรจบกันและล้อมคลิตอริสไว้ ส่วนตอนล่างจะบรรจบกันในบริเวณหน้าต่อกับบริเวณฝีเย็บสีของแคมเล็กจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนคลิตอริส เป็นติ่งเนื้อที่เป็นศุนย์รวมเส้นประสาทเช่นเดียวกับองคชาตของผู้ชาย ไวต่อความรู้สึกทางเพศรูปัสสาวะ เป็นทางออกของปัสสาวะช่องคลอด เป็นทางออกของประจำเดือน เป็นบริเวณที่รองรับการสอดใส่ขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบริเวณกล้ามเนื้อที่ไวต่อการสัมผัส เรียกว่า *จี-สปอต เป็นทางผ่านของเชื้ออสุจิเข้าสู่ภายใน และเป็นช่องทางออกของทารก หากคลอดตามธรรมชาติ
จี-สปอต (G-Spot)
เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเพศหญิงที่ผนังช่องคลอดลึกประมาณ 1นิ้ว หลังกระดูกหัวหน่าว ถูกค้นพบโดยสูตินารีแพทย์ชาวเยอรมันชื่อ กราเฟนเนอร์(Grafenberg) จึงนำชื่อของเขาที่ขึ้นต้นด้วยตัวจี มาตั้งว่า จี สปอต โดยอวัยวะนี้เมื่อมีการกระตุ้นเร้าอารมณ์จะเกิดการขยายตัวขึ้นเหมือนองคชาต และช่วยทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอด เช่นเดียวกับ คลิติริส
ข้อมูลจาก http://th.wigipedia.org
เยื่อพรหมจรรย์ เป็นเนื้อเยื่อที่ปิดปากช่องคลอด มีรูปตรงกลางให้ประจำเดือนไหลออก เยื่อพรหมจรรย์สามารถฉีกขาดได้จากการเล่นกีฬา ขี่จักรยาน ขี่ม้า ฯลฯ หรือการมีเพศสัมพันธ์ทวารหนัก เป็นทางออกของอุจจาระ
การทำความสะอาด ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศและทวารหนักทุกครั้งที่อาบน้ำโดยใช้น้ำและสบู่ล้างภายนอกเพียงพอแล้ว ไม่ควรสวนลางช่องคลอดและทวารหนัก โดยใช้น้ำยาต่างๆ เพราะน้ำยาจะทำลายสารที่คอยป้องกันเชื้อโรคในช่องคลอด และอาจทำให้เกิดแผลในช่องคลอดที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้นด้วย
ประจำเดือน เมื่อร่างกายเข้าสู่วัยสาว ฮอร์โมนเพศจะกระตุ้นให้รังไข่ผลิตรังไข่ออกมา ไข่จะเคลื่อนเข้าไปตามท่อนำไข่ หากมีเพศสัมพันธ์ในระยะนี้ไข่สามารถผสมกับอสุจิได้บริเวณนี้หรือที่เรียกว่า การปฏิสนธิ แต่ถ้าไม่มีไข่และผนังมดลูกก็จะหลุดลอกออกมากลายเป็นเลือดระดูหรือประจำเดือนนั่นเอง ส่วนใหญ่เด็กผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนตั้งแต่อายุ 11-14 ปี แต่ไม่ควรเร็วกว่า 9 ปีหรือช้ากว่า 18ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของร่างกาย กรรมพันธุ์ เชื้อชาติ การรับประทานอาหาร จิตใจ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ การมีประจำเดือนของผู้หญิงบางคนอาจเกิดขึ้นทุกๆ 21 วัน บางคนอาจนานถึง 40 วัน แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ทุก 28 วัน โดยช่วงที่มีประจำเดือนไหลออกมาจะนาน 3-5วันซึ่งเป็นช่วงที่ราต้องใช้ผ้าอนามัยนั่นเอง และขณะที่มีประจำเดือนในวันหนึ่งเราจะใช้ผ้าอนามัยประมาณ 3-4ชิ้น หากต้องใช้เกินกว่านี้เนื่องจากประจำเดือนมามากจนผ้าอนามัย 4ชิ้นที่ว่าเปียกชุ่มจนต้องเปลี่ยนชิ้นใหม่ ควรต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
ถ้าประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ อย่าพึ่งตกใจ เพราะในช่วงปีแรกๆ รอบเดือนอาจยังคลาดเคลื่อนอยู่นิดหน่อย เนื่องจากการทำงานของรังไข่ยังไม่สมบูรณ์ ทำให้ไข่ตกไม่สม่ำเสมอแต่หลังจากนั้นประจำเดือนก็จะมาสม่ำเสมอตกขาว ผู้หญิงกับตกขาวเรียกได้ว่าเป็นของคู่กัน ตกขาวในระหว่างเดือนจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยช่วงที่มีไข่ตก หรือวันที่ 14 หลังประจำเดือนมาวันแรก (ในกรณีที่ประจำเดือนมารอบละ 28 วัน) จะมีฮอร์โมนเพศบางชนิด estrogen มากซึ่งทำให้มีมูกใสๆ ปริมาณไข่มากภายในช่องคลอดที่ชุมชื้น แต่หลังจากนั้นระดับฮอร์โมนนี้จะลดลงในขณะที่ฮอร์โมนเพศหญิงอีกชนิดหนึ่งคือ progesterone จะมากขึ้นซึ่งทำให้ลักษณะตกขาวจะขุ่นข้นมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วงหลังระยะประจำเดือนหมดใหม่ๆ ตกขาวจะขุ่นแต่ปริมาณไม่มาก ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ปกติสำคัญสำหรับผู้หญิงเรา
ตกขาวที่ลักษณะต่างจากนี้ สีเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ขุ่นข้นคล้ายลักษณะของแป้งเปียก และหากมีกลิ่นเหม็นหรืออาการคันถือเป็นตกขาวที่ผิดปกติ ซึ่งควรได้รับการตรวจจากสูตินารีแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่อไปฝ่าไฟแดง คำนี้หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ แม้จะเลอะเทอะอยู่สักหน่อยก็ตาม บางคนคิดว่า มีเซ็กต์ช่วงมีประจำเดือนแล้วไม่ท้อง แต่จริงๆแล้วคนที่มีรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ อาจมีไข่ตกในช่วงที่กำลังมีประจำเดือนทำให้มีโอกาสตั้งท้องได้เหมือนกัน นอกจากนั้น ยังเป็นช่องทางในการแพร่เชื้อ/รับเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะช่วงที่มีประจำเดือน ปากมดลูกจะเปิดมากกว่าปกติ เส้นเลือดที่ผนังมดลูกมีการฉีกขาด เนื่องจากการหลุดลอกของเนื้อเยื้อบุมดลูก ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ทางที่ดีควรสวมถุงยางอนามัยไว้ปลอดภัยที่สุด
อ้างอิง
ก้าวทันวัยทีน (พ.ศ. 2551) เป็นสาว .ใน ก้าวทันวัยทีน (หน้า8-25). กรุงเทพมหานคร : องค์การแพธ (PATH).
หน้าอก ผู้หญิงเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยสาว จะมีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน คือ หน้าอก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นตลอดช่วง 5-6 ปีจากนี้อย่างคอยเป็นคอยไปทั้งภายในเนื้อเยื่อเอง จนทำให้เราสังเกตเห็นลักษณะภายนอกของหน้าอกเปลี่ยนไป อาจจะมีอาการเสียวหรือคันที่หน้าอกและหัวนมและจะหายไปเองเมื่อหน้าอกโตเต็มที่โดยทั่วไปที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ผู้หญิงแต่ละคนจะมีลักษณะ ขนาด และรูปร่างของหน้าอกหลายแบบหรือหลายขนาด บางคนหน้าอก 2 ข้างอาจมีขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งนี้เป็นไปตามกรรมพันธุ์และสรีระของแต่ละคน
หากวัดได้ | เลือกเสื้อชั้นในขนาด |
63-67 ซม. |
65 ซม. หรือ 30 นิ้ว
|
68-72 ซม. | 70 ซม. หรือ 32 นิ้ว |
73-77 ซม. | 75 ซม. หรือ 34 นิ้ว |
78-82 ซม. | 80 ซม. หรือ 36 นิ้ว |
83-87 ซม.
| 85 ซม. หรือ 38 นิ้ว |
ส่วนอักษร A B C D หรือ E คือขนาดของเต้านมที่มักเรียกว่าคัพ วัดได้โดยใช้สายวัดวัดรอบอกให้ผ่านหัวนมทั้งสองข้าง ได้ผลเท่าไรให้นำมาลบกับรอบใต้ราวนม ผลต่างที่ได้จะเป็นขนาดคัพของเรา
ขนาดคัพ | ผลต่างที่ได้ |
คัพ A
| 9-11 ซม. |
คัพ B
| 11.5-13.5 ซม. |
คัพ C
| 14-16 ซม. |
คัพ D
| 16.6-18.5 ซม. |
คัพ E
|
19-20 ซม.
|
มาลองวัดหน้าอกกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น